เทียบจำนวนน้ำขวด
ที่คุณซื้อดื่ม*
27 ก.ค. 2022
วิธีเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำให้เหมาะสมกับสภาพแหล่งน้ำของคุณ
วิธีเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำให้เหมาะสมกับสภาพแหล่งน้ำของคุณ
การเลือกเครื่องกรองน้ำเพื่อใช้ภายในครัวเรือนเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาความเหมาะสมอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งเครื่องกรองน้ำแต่ละระบบนั้นมีหลักการทำงานและประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน สิ่งที่ควรคำนึงในการตัดสินใจเลือกเครื่องกรองน้ำมีดังนี้
1.สภาพแหล่งน้ำที่จะนำมากรอง
ก่อนอื่นเราต้องทราบก่อนว่าน้ำที่ใช้ในบ้านเรานั้นเป็นน้ำประเภทใด น้ำประปา หรือ น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ กรณีจากแหล่งน้ำประปานั้นสามารถใช้ได้กับเครื่องกรองน้ำได้แทบทุกชนิด แต่หากเป็นน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น น้ำบาดาล จะมีแร่ธาตุหรือเกลือแร่มากกว่าน้ำประปา จึงควรเลือกใช้เครื่องกรองน้ำดื่มที่มีคุณสมบัติกำจัดเกลือแร่ สารละลายเกลือต่างๆ ความกระด้างของน้ำ และเครื่องกรองที่สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ ได้ เป็นต้น
2.คุณภาพของเครื่องกรองน้ำที่จะนำมากรอง
ควรเลือกเครื่องกรองน้ำที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 ซึ่งเป็นมาตรฐานรับรองในเรื่องกระบวนการผลิต หรือการรับรองมาตรฐานจากสถาบันอื่นๆ เช่น NSF (National Sanitation Foundation International) มาตรฐานคุณภาพน้ำดื่มจากประเทศสหรัฐอเมริกา, WQA (Water Quality Association) เป็นองค์กรอิสระที่รับรองผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคตามมาตรฐานสากล และ T Mark (Thailand Trust Mark) เป็นการรับรองมาตรฐานจากประเทศไทย เป็นต้น
3.ปริมาณการใช้น้ำและขนาดของเครื่องกรองน้ำ
การเลือกเครื่องกรองน้ำต้องให้มีความสัมพันธ์กับปริมาณการใช้น้ำและจำนวนสมาชิกในครอบครัว ทั้งนี้เครื่องกรองน้ำมีหลายขนาดให้เลือกสรร ทั้งในเรื่องของระบบกรอง จำนวนของขั้นตอนการกรอง ผู้ใช้งานควรเลือกให้สัมพันธ์กับสภาพน้ำที่จะนำไปกรอง หากต้องการใช้น้ำในปริมาณมากอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ ควรเลือกใช้เครื่องกรองน้ำขนาดใหญ่ แท่งกรองหรือสารกรองในปริมาณที่เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่ใช้กรอง แต่หากต้องการกรองน้ำในปริมาณที่ไม่มาก หรือใช้สำหรับกรองน้ำดื่มเท่านั้น ควรเลือกเครื่องกรองขนาดเล็กหรือปานกลาง เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ลดการสิ้นเปลืองพลังงานและการสูญเสียน้ำโดยไร้ความจำเป็นได้
น้ำบาดาลดื่มได้ไหม? และควรใช้เครื่องกรองแบบไหนกรองน้ำบาดาล
น้ำบาดาล คือ น้ำที่ถูกกักเก็บหรือสะสมตัวอยู่ใต้ดิน ตามรอยแยกของชั้นหิน ช่องว่างระหว่างเม็ดกรวด หรือเม็ดทรายใต้ผิวดิน มักมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมน้อยมาก จึงมีคุณภาพที่สม่ำเสมอกว่าน้ำผิวดิน น้ำบาดาลบางพื้นที่มีคุณภาพที่ดี สามารถนำมาใช้อุปโภคบริโภคได้ แต่บางแหล่งมีคุณสมบัติเฉพาะตามแหล่งที่มาของน้ำบาดาลนั้นๆ มีแร่ธาตุเจือปนอยู่ด้วย บางที่ก็เกิดเป็นน้ำกร่อย หรือมีความกระด้างสูง มีแร่เหล็กหรือแมงกานีสเจือปนอยู่ การนำมาอุปโภคบริโภคจึงจำเป็นต้องกำจัดออกด้วยตัวกรอง เช่น ระบบที่มีสารกรอง Ion Exchange Resin, สารกรอง Manganese Sand หรือระบบกรอง Reverse osmosis (RO) เป็นต้น
ทำไมเครื่องกรองน้ำระบบ RO ถึงแพงกว่าระบบอื่นๆ
การผลิตน้ำดื่มในระบบอาร์โอจะอาศัยหลักการให้น้ำดิบซึมผ่านเยื่อกรองเมมเบรนที่มีรูพรุนขนาดเล็กมาก ยอมให้เฉพาะโมเลกุลของน้ำผ่านเข้าออกได้เท่านั้น ตามธรรมชาติการน้ำเอาเยื่อกรองเมมเบรนนี้ไปกั้นระหว่างน้ำสะอาดกับน้ำที่มีสิ่งปนเปื้อน น้ำสะอาดจะซึมผ่านไปยังด้านของน้ำที่มีสิ่งปนเปื้อน ความดันที่ทำให้เกิดการซึมผ่าน เรียกว่า ความดันออสโมติก (Osmotic pressure) ปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้เรียกว่า ออสโมซิส (Osmosis) ซึ่งจะสูญเสียน้ำสะอาดไปกับน้ำที่มีสิ่งปนเปื้อน ดังนั้นการผลิตน้ำอาร์โออาจจะต้องแยกน้ำสะอาดออกจากน้ำที่มีสิ่งปนเปื้อนให้ได้มากที่สุดจึงต้องใช้หลักการเอาชนะธรรมชาติด้วยความดันออสโมติก ซึ่งต้องเพิ่มความดันเข้าในด้านน้ำที่มีสิ่งปนเปื้อนให้มีค่าสูงกว่าความดันออสโมติกที่เกิดจากธรรมชาติจึงจะมีผลทำให้น้ำสะอาดแยกตัวและซึมผ่านแยกออกมาได้ กระบวนการตรงข้ามนี้จึงเรียกว่า รีเวิร์ส ออสโมซิส (Reverse osmosis) ด้วยเหตุนี้อุปกรณ์ที่เป็นหัวใจสำคัญของการผลิตน้ำดื่มอาร์โอ ได้แก่ เยื่อกรองเมมเบรน (Membrane) และปั้มน้ำ รวมถึงอุปกรณ์ควบคุมระบบต่างๆ ที่ประกอบลงไปในเครื่องกรองน้ำระบบ RO จึงทำให้ระบบนี้มีราคาสูงกว่าเครื่องกรองน้ำทั่วไป ซึ่งเป็นระบบที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงกว่าระบบอื่นๆ อีกด้วย
ทำไมน้ำดื่มแต่ละพื้นที่ถึงมีรสชาติต่างกัน?
หากจะพูดถึงการผลิตน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคนั้น น้ำที่ใช้ในการผลิตน้ำประปามาจาก 2 แหล่งใหญ่ๆ ในธรรมชาติ คือ น้ำผิวดินและน้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาล น้ำผิวดินจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพแวดล้อม เช่น ฤดูกาล อาจมีความขุ่นสูง และสารอินทรีย์สูง ปริมาณเกลือแร่ในน้ำอาจมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพื้นที่แหล่งน้ำนั้นๆ การผลิตน้ำประปาจากน้ำผิวดินจึงใช้ต้นทุนการผลิตมากกว่าน้ำบาดาล และน้ำใต้ดินหรือน้ำบาดาล เป็นน้ำที่มีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติน้อยมาก ซึ่งมีคุณภาพที่สม่ำเสมอกว่า มีลักษณะใส มีปริมาณของแร่ธาตุและสารละลายต่างๆ เจือปนอยู่ในน้ำแตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่ ส่วนใหญ่จะมีค่าการนำไฟฟ้า (Conductivity) มากกว่าน้ำประปาที่ผลิตจากน้ำผิวดิน บางแหล่งมีรสกร่อยถึงเค็ม ดังนั้นรสชาติของน้ำจึงขึ้นอยู่กับสิ่งเจือปนหรือสารละลายที่เรียกว่า เกลือแร่, แร่ธาตุที่ปะปนในแหล่งน้ำนั้นๆ ที่นำมากรองดื่มนั่นเอง
=
คิดเป็นจำนวนเงิน*
43,800 บาท/ปี
=
เมื่อใช้เครื่องกรองน้ำ
คุณจ่ายเพียง**
เมื่อใช้เครื่องกรองน้ำ
คุณจ่ายเพียง**
สะดวกกว่า
ประหยัดทั้งเวลาและแรงในการขน
ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหมด
ลดการใช้พลาสติก
ช่วยส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดี
และป้องกันภาวะโลกร้อน
* การคำนวณเป็นเพียงการประมาณการเบื้องต้น โดยประเมินจากการซื้อน้ำขวด 1 ลิตร ในราคาขวดละ 12 บาท
** คำนวณจากเครื่องกรองน้ำรุ่น PURE DM01 UV โดยอายุการใช้งานเฉลี่ย 10,000 ลิตร มีการเปลี่ยนไส้กรองทั้งหมดปีละครั้ง และเปลี่ยนหลอด UV ทุกสองปี
*** การคำนวณเป็นเพียงการคาดการณ์อายุการใช้งานโดยเฉลี่ย ซึ่งอาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องคำนึงถึง เช่น คุณภาพของน้ำที่กรอง การดูแลและรักษาตัวเครื่อง เป็นต้น